โดยปกติเราไม่ค่อยให้ความสนใจกับคำขอ DNS มากนักเมื่อท่องอินเทอร์เน็ต แต่หลายคนเคยพบสถานการณ์ที่อุปกรณ์ส่งคำขอ DNS ไปยังเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่ไม่คุ้นเคยอย่างต่อเนื่อง แม้ในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน
นี่คือสิ่งที่เราเรียกกันทั่วไปว่า “การรั่วไหลของ DNS (DNS Leak)” เมื่อเกิดขึ้น ไม่เพียงแค่ที่อยู่ IP จริงและประวัติการท่องเว็บของคุณอาจถูกเปิดเผยเท่านั้น แต่ลักษณะของอุปกรณ์ของคุณก็อาจถูกตรวจจับและวิเคราะห์โดยบุคคลที่สามได้เช่นกัน
ต่อไปนี้เราจะมาพูดถึงขั้นตอนสำคัญที่ควรให้ความสนใจ ตั้งแต่การค้นหาทราฟฟิกผิดปกติไปจนถึงการสร้างระบบตรวจสอบและป้องกันการรั่วไหลของ DNS ที่เชื่อถือได้

หลายคนพบว่าอุปกรณ์ส่งคำขอ DNS อย่างต่อเนื่องแม้ไม่มีการใช้งานเบราว์เซอร์ และชื่อโดเมนที่ถูกส่งคำขอไม่เกี่ยวข้องกับบริการปกติใดๆ:
เมื่อพบอาการเหล่านี้ มีความเป็นไปได้สูงว่า DNS รั่วไหล หรือมีแอปพลิเคชันส่งคำขอ DNS ลับๆ — ดังนั้นควรทำการทดสอบ DNS Leak ทันที
ตัวอย่างเช่น เครื่องมือตรวจสอบลายนิ้วมือเบราว์เซอร์ของ ToDetect ช่วยให้คุณตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วว่า:
① IP ออกอินเทอร์เน็ตปัจจุบันตรงกับเครื่องมือ Proxy หรือไม่
② เซิร์ฟเวอร์ DNS เป็นของ Proxy หรือไม่
③ มีเซิร์ฟเวอร์ DNS ผสมจากหลายภูมิภาคหรือไม่
หากเห็นเซิร์ฟเวอร์ DNS จากเครือข่ายภายในประเทศ ISP หรือประเทศที่ไม่คาดคิด มีความเป็นไปได้ว่ามีการรั่วไหล
หลายคนไม่ทราบว่า: แม้ DNS ไม่รั่ว แต่ตัวตนของคุณอาจถูกเปิดเผยผ่านลายนิ้วมือเบราว์เซอร์ ดังนั้นการตรวจสอบว่าลักษณะของเบราว์เซอร์สามารถถูกระบุตัวได้หรือไม่จึงเป็นเรื่องสำคัญ
นี่คือจุดที่ระบบตรวจสอบลายนิ้วมือของ ToDetect มีประโยชน์:
① ความคล้ายคลึงของลายนิ้วมือเบราว์เซอร์
② WebRTC มีการรั่วไหลของ IP จริงหรือไม่
③ Canvas, Audio และฟีเจอร์อื่นๆ สามารถใช้ติดตามได้หรือไม่
④ มีการเปิดเผยลักษณะเฉพาะของ Proxy หรือไม่
ข้อมูลเหล่านี้ช่วยระบุได้ว่าการเชื่อมโยงตัวตนเกิดจาก DNS Leak หรือจากลายนิ้วมือเบราว์เซอร์
เครื่องมือ IP/VPN ไม่มีระบบป้องกัน DNS
เช่น ไม่บังคับใช้ DNS over TLS/HTTPS, DNS ไม่ถูกส่งผ่านอุโมงค์ หรือ WebRTC ไม่ถูกบล็อก ทำให้ทราฟฟิกผ่าน Proxy แต่ DNS ยังคงผ่านเครือข่ายภายใน
แอปพลิเคชันระดับระบบข้าม Proxy และเชื่อมต่อกับ DNS โดยตรง
พบมากใน Windows รวมถึงโปรแกรมบางประเภท เช่น เพลง เกม เครื่องมือซิงค์ ซึ่งมักไม่ปฏิบัติตามการตั้งค่า Proxy ของระบบ
กลไกเร่งความเร็วหรือการ Prefetch ของเบราว์เซอร์
เช่น Chrome DNS Prefetch, Firefox TRR เลือก DoH Server ผิด หรือส่วนขยายเบราว์เซอร์ส่งคำขอ DNS ของตัวเอง
มัลแวร์หรือส่วนขยายที่เป็นอันตราย
หากเห็นโดเมนแปลกๆ หรือสตริงแบบสุ่มถูกสั่ง Resolve บ่อยครั้ง อาจเป็นสัญญาณของ Adware หรือสคริปต์อันตราย
เปิดการป้องกัน DNS ใน Proxy/VPN ของคุณ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่า VPN/Proxy รองรับ DoH/DoT บังคับให้ DNS ผ่านอุโมงค์ และบล็อก WebRTC อย่าพึ่งคำโฆษณา — ควรทดสอบด้วยตนเอง
การป้องกันระดับเบราว์เซอร์
ปิด DNS Prefetch, ปิดหรือบังคับ WebRTC ผ่าน Proxy, ลบส่วนขยายต้องสงสัย และตรวจสอบลายนิ้วมือเป็นระยะ วิธีนี้มีประสิทธิภาพมากแม้มักถูกละเลย
ใช้บริการ DNS ที่เชื่อถือได้
เช่น Cloudflare DoH, Google DoH, Quad9 แต่จำไว้ว่าบริการ DNS ที่เชื่อถือได้ ≠ DNS จะไม่รั่ว สิ่งที่สำคัญคือคุณสามารถบังคับให้ DNS ทั้งหมดผ่าน Proxy ได้หรือไม่
การรั่วไหลของ DNS จริงๆ แล้วคือปัญหา “เส้นทางทราฟฟิกที่ไม่ถูกควบคุม” การอัปเดตระบบปฏิบัติการ การอัปเดตส่วนขยายเบราว์เซอร์ หรือการอัปเดต VPN ล้วนสามารถทำให้เส้นทาง DNS เปลี่ยนได้
แนะนำให้สร้างนิสัยตรวจสอบสม่ำเสมอ:
สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งเมื่อท่องเว็บแบบส่วนตัว เข้าถึงเว็บไซต์ต่างประเทศ หรือจัดการหลายบัญชี ซึ่งการรั่วไหลของลายนิ้วมือหรือ DNS อาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการเชื่อมโยงตัวตนได้
หลายคนคิดว่าการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของ DNS “เป็นเรื่องเทคนิคเกินไป” แต่จริงๆ แล้วมันส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยออนไลน์ของทุกคน
หากคุณกังวลว่าแอปกำลังส่งคำขอ DNS อยู่เบื้องหลัง ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนในบทความนี้และทดสอบด้วยตนเอง เมื่อคุณระบุและปิดจุดรั่วไหลได้ ความเป็นส่วนตัวของคุณจะปลอดภัยกว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่หลายเท่า
การปกป้อง DNS ไม่ใช่เรื่องยาก — เมื่อคุณเข้าใจวิธีตรวจสอบที่ถูกต้อง และใช้เครื่องมืออย่าง ToDetect ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ปัญหาส่วนใหญ่สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
AD